ภาษา React Native: การพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือโดยไม่ใช้ ในปลายมุมกระแสเทคโนโลยียุคใหม่

การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับแพลตฟอร์มสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนั้นเป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อนกับนักพัฒนาทั่วไป หากวิธีการพัฒนาแยกต่างหาก ซึ่งส่งผลให้ต้องใช้เวลาและแรงงานมากเพื่อที่จะสร้างแอปพลิเคชันสำหรับแต่ละแพลตฟอร์ม

นักพัฒนาสามารถลดความซับซ้อนในการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบแยกต่างหากได้ด้วย React Native ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันส่วนหน้าของมือถือโดยใช้ภาษาจาวาสคริปต์ (JavaScript)

ในบทความนี้เราจะพูดถึงการใช้งาน React Native เพื่อสร้างแอปพลิเคชันต่าง ๆ และวิธีการติดตั้งและการเตรียมแวร์ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วย React Native รวมถึงการจัดการโค้ดและโครงสร้างการพัฒนา การทดสอบและการตรวจสอบ การทำการกระจาย วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพและการปรับปรุงให้แอปพลิเคชันแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว การจัดการกับข้อผิดพลาดและการแก้ไขปัญหาการอัปเดตและการรักษาแอปพลิเคชันที่พัฒนาด้วย React Native

React Native คืออะไร?

React Native เป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วยภาษาจาวาสคริปต์ (JavaScript) ซึ่งถูกพัฒนาโดย Facebook เพื่อให้สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันส่วนหน้าของมือถือสำหรับแพลตฟอร์ม iOS และ Android ด้วยระบบเดียวกันได้ นักพัฒนาสามารถใช้ React Native เพื่อสร้างส่วนหน้าของแอปพลิเคชันที่เหมือนกับแอปพลิเคชันที่พัฒนาด้วยภาษาเนทีฟของแต่ละแพลตฟอร์ม

React Native ดังนั้นเป็นเครื่องมือที่ใช้สร้างแอปพลิเคชันด้วยการเขียนโค้ดครั้งเดียวเพื่อใช้งานได้ทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android

ข้อดีของ React Native

การใช้งาน React Native มีข้อดีจำนวนมากสำหรับนักพัฒนา ดังนี้

1. ระบบเขียนครั้งเดียว ใช้ได้ทั้งใน iOS และ Android
นักพัฒนาสามารถเขียนโค้ดครั้งเดียวแล้วนำไปใช้งานในทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ได้ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและแรงงานในการพัฒนากลุ่มแอปพลิเคชันสำหรับทั้งสองแพลตฟอร์ม

2. ความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพ
เนื่องจาก React Native ใช้ภาษาจาวาสคริปต์ (JavaScript) เป็นภาษาหลักในการพัฒนา จึงมีนักพัฒนาที่มากมายสามารถใช้งานได้ง่าย และมีการใช้งาน React Native ในโครงการขนาดใหญ่เช่น Facebook, Instagram, Airbnb เป็นต้น

3. การพัฒนาแบบแสดงผลเรียลไทม์ (Real-time)
แอปพลิเคชันที่พัฒนาด้วย React Native มีความสามารถในการแสดงผลแบบ Real-time ซึ่งหมายความว่าในกรณีที่มีการอัพเดทหรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใด ๆ แอปพลิเคชันจะสามารถแสดงผลอัตโนมัติโดยไม่ต้องรีเฟรชหรือเรียกใช้งานใหม่

4. การใช้งานและการเรียนรู้ที่ง่าย
React Native เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายโดยเฉพาะสำหรับนักพัฒนาที่มีความรู้ทางการเขียนโปรแกรมภาษาจาวาสคริปต์อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีความเป็นมาตรฐานในวงการนักพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ ซึ่งสร้างความสะดวกในการศึกษาและแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อื่น

5. รองรับความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มสมาร์ทโฟน
React Native อัปเดตอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มสมาร์ทโฟน และการอัปเดตเวอร์ชันใหม่ ๆ มักช่วยแก้ไขข้อบกพร่องและเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ให้กับนักพัฒนา

ข้อเสียของ React Native

แม้ว่า React Native เป็นเครื่องมือที่มีข้อดีมากมายในการพัฒนาแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน แต่ก็ยังมีข้อเสียบางประการที่นักพัฒนาควรใช้คำนึงถึง ดังนี้

1. ความสามารถที่จำกัดในการเข้าถึงฟีเจอร์ของแพลตฟอร์ม
เนื่องจาก React Native เป็นเครื่องมือสำหรับสร้างส่วนหน้าของแอปพลิเคชัน อาจมีความสามารถที่จำกัดในการเข้าถึงฟีเจอร์ที่มีมาให้ใช้งานอยู่บนแพลตฟอร์ม iOS และ Android ทั้งหมด

2. ประสิทธิภาพที่ถูกกล่าวถึง
React Native อาจมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพในบางกรณี เนื่องจากการแปลงโค้ดจาวาสคริปต์เป็นชุดคำสั่งที่ใช้งานร่วมกับโค้ดภาษาเนทีฟของแพลตฟอร์ม

3. ความซับซ้อนในการแก้ไขปัญหาพื้นฐาน
ในบางกรณี ความซับซ้อนของการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นสำหรับแพลตฟอร์มเนทีฟอาจเป็นอุปสรรคสำหรับนักพัฒนาที่ไม่เคยพัฒนาแอปพลิเคชันด้วยภาษาจาวาสคริปต์มาก่อน

React Native เริ่มต้นอย่างไร?

เพื่อเริ่มต้นใช้งาน React Native นักพัฒนาจำเป็นต้องติดตั้งและเตรียมแวร์ที่จำเป็นและดูแลรักษาระบบเพื่อรองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วย React Native ดังนี้

1. Node.js
Node.js เป็นแพลตฟอร์มที่จำเป็นต้องมีสำหรับส่วนของ server-side ใน React Native นักพัฒนาสามารถดาวน์โหลดและติดตั้ง Node.js ได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

2. Java Development Kit (JDK)
JDK เป็นชุดเครื่องมือที่ผู้พัฒนา Android สามารถใช้งานได้ เมื่อติดตั้งแล้วก็สามารถตรวจสอบความถูกต้องของการติดตั้งโดยใช้คำสั่ง `java -version` ใน Command Prompt (หรือ Terminal)

3. Android Studio
Android Studio เป็น IDE (Integrated Development Environment) ที่ใช้เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชัน Android นักพัฒนาสามารถดาวน์โหลดและติดตั้ง Android Studio จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Android

4. Xcode
Xcode เป็น IDE (Integrated Development Environment) ที่ใช้เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชัน iOS นักพัฒนาสามารถดาวน์โหลดและติดตั้ง Xcode ได้จาก App Store ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน iOS

5. React Native CLI
React Native CLI ใช้สำหรับ

React Native เป็นเครื่องมือที่มีความสามารถในการสร้างแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพและเหมือนกับแอปพลิเคชันที่พัฒนาด้วยภาษา Native (Objective-C, Swift, Java, ฯลฯ) ซึ่งทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ดีในเวลาที่สั้นกว่า และมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้นเมื่อต้องการปรับแต่งหรือพัฒนาต่อยอดในอนาคต

การเขียนแอปพลิเคชันด้วย React Native แตกต่างจากการเขียนแอปพลิเคชันด้วยภาษา Native ในหลายๆด้าน แต่ในส่วนของ UI (User Interface) React Native สามารถสร้างและใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยใช้ React Components ที่มีความเหมือนกับ HTML Elements และสามารถตั้งกฎการแสดงผลของ UI ได้ด้วยภาษา JavaScript ทำให้สามารถใช้ Code ซ้ำกับการพัฒนาแอปพลิเคชันใน Web ได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการจัดการ Event การทำ Routing และการสร้าง Style Sheet แบบ Flexbox ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถจัดหน้าจอแอปพลิเคชันได้อย่างยืดหยุ่นและง่ายดาย

React Native ยังสามารถใช้งานร่วมกับโครงสร้างและไลบรารีอื่นๆได้อีกมากมาย เช่น Redux (สำหรับการจัดการสถานะแอปพลิเคชัน) หรือ Firebase (สำหรับการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลแบบ Real-time) นั่นหมายความว่านักพัฒนาสามารถเลือกรูปแบบและสกุลของโครงสร้างที่ต้องการได้ตามความต้องการของแอปพลิเคชันที่กำลังพัฒนาอยู่

ในการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วย React Native นักพัฒนาสามารถใช้ภาษา JavaScript หรือ TypeScript (ภาษาแม่ของ JavaScript ที่มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพสูงกว่า) เพื่อเขียน code ในส่วนของ Logic ของแอปพลิเคชัน มีหลายประโยชน์ที่นักพัฒนาสามารถได้รับ เช่น เป็นมาตรฐานสำหรับนักพัฒนา JavaScript ในการพัฒนาแอปพลิเคชันขององค์กร หรือการที่จะสามารถนำเข้าโค้ดที่พัฒนาด้วยภาษา JavaScript จากเว็บแอปพลิเคชันได้โดยไม่ต้องมีปัญหาใดๆเลย

ในส่วนของการทดสอบและตรวจสอบความถูกต้องของแอปพลิเคชันสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น Jest (สำหรับการทดสอบ) หรือ ESLint (สำหรับตรวจสอบความถูกต้องของ code) เพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาและซ่อมแซมแอปพลิเคชันได้อย่างสมบูรณ์และปลอดภัย

สำหรับคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ React Native สามารถอธิบายได้ดังนี้:

Q: React Native เหมาะกับนักพัฒนาที่ไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ในการพัฒนามือถือไหม?
A: React Native เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่มีความรู้หรือประสบการณ์ในการพัฒนาแอปพลิเคชันและเครื่องมือพัฒนาสำหรับเว็บ แต่ไม่เคยพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือที่เป็น Native ก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีหลักการทำงานที่คล้ายคลึงกันระหว่างการพัฒนาแอปพลิเคชันใน Web และมือถือ นักพัฒนาสามารถนำความรู้จากการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบเว็บมาใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วย React Native ได้อย่างรวดเร็ว

Q: แอปพลิเคชันที่พัฒนาด้วย React Native มีประสิทธิภาพและความช้าแตกต่างกับแอปพลิเคชันที่พัฒนาด้วยภาษา Native หรือไม่?
A: เมื่อเทียบกับแอปพลิเคชันที่พัฒนาด้วยภาษา Native แอปพลิเคชันที่พัฒนาด้วย React Native อาจมีความช้าในบางกรณี แต่ภายในปีหนึ่งหลังจากการเปิดตัว React Native ได้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและปรับปรุงที่แท้จริง โดยมีการแก้ไขปัญหาเรื่องความแตกต่างในประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน ทำให้ความสามารถในการทำงานที่เอื้อให้กับนักพัฒนาและผู้ใช้งานมีการเพิ่มมากขึ้น

Q: สามารถใช้ Code ส่วนของแอปเดิมที่พัฒนาด้วย React Native สร้างเป็นแอปพลิเคชันสองแพลตฟอร์มได้ทุกครั้งหรือไม่?
A: React Native สามารถนำโค้ดจากแอปพลิเคชันที่พัฒนาด้วย React Native แล้วกำหนดเงื่อนไขการแสดงผลให้ตรงกับแพลตฟอร์มที่ต้องการได้ ในบางกรณีหรือส่วนที่ไม่สามารถรองรับร่วมกันระหว่างแพลตฟอร์มได้ อาจจำเป็นต้องแก้ไขหรือเพิ่มโค้ดในส่วนนั้นเพื่อให้รองรับกับแพลตฟอร์มทั้งสอง

Q: React Native เหมาะกับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีขนาดใหญ่ไหม?
A: การพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีขนาดใหญ่ด้วย React Native อาจมีอาการช้าในการโหลดหน้าจอแรกครั้ง เนื่องจาก React Native จะทำการโหลด bundle หรือไฟล์ JavaScript ทั้งหมดของแอปพลิเคชันในหน้าจอแรกและจะทำการแปลง JavaScript เป็น Native Code ก่อนที่จะแสดงผลบนหน้าจอ แต่เมื่อแอปพลิเคชันทำงานอย่างไม่มีปัญหาแล้ว ความสามารถในการปรับปรุงและพัฒนาโค้ดเพิ่มขึ้นที่มาพร้อมกับการพัฒนาด้วย React Native จะช่วยให้การการพัฒนาและการรวมรวมโค้ดเป็นกลุ่มทำได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในสรุป React Native เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันสองแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสูง ด้วยบทสรุปข้างต้นนี้ คุณคงสามารถทำความเข้าใจ React Native และเหตุผลที่ควรนำมาใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันของคุณได้แล้ว

React และ React Native เป็นเฟรมเวิร์กที่ได้รับความนิยมสูงในวงการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน โดยเฟรมเวิร์กเหล่านี้สร้างขึ้นบน JavaScript และมีไวยกรณ์ที่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างระหว่าง React กับ React Native ที่จะถูกเผยแพร่ในบทความนี้ โดยจะมอบความเข้าใจในเรื่องราวและหลักการอย่างละเอียดเพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความต้องการของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง

เริ่มแรก เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับ React กันก่อน React เป็นเฟรมเวิร์กสำหรับสร้าง UI วิวของเว็บแอปพลิเคชัน โดยใช้ JavaScript ในการพัฒนา จุดเด่นของ React คือ การสร้าง Component ที่นำคุณสมบัติการเข้ารหัสและระบายเวลา (render) ของแต่ละส่วนของ UI อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนมีความง่ายกว่า เนื่องจากสามารถนำ Component ที่ถูกสร้างขึ้นมาใช้ซ้ำโดยไม่ต้องเขียนโค้ดใหม่ทุกครั้ง

React Native อย่างไรก็ตาม เป็นแพลตฟอร์มพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ (mobile app) โดยใช้ภาษา JavaScript เหมือนกับ React อย่างไรก็ตาม ที่ต่างกันคือ React Native ทำงานเหนือแอปพลิเคชันสัญชาติ (native app) ของระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ อื่น ๆ อย่าง iOS และ Android ซึ่งช่วยลดเวลาในการพัฒนาและบำรุงรักษาโค้ดส่วนของแอปพลิเคชันสำหรับแพลตฟอร์มต่าง ๆ

ในเบื้องต้น React Native ใช้พื้นฐานจาก React มาก โดยส่วนแรกของ React Native เรียกว่า “Bridge” จะทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่าง JavaScript และโค้ดสัญชาติของแต่ละแพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือ React Native ไม่ต้องการ WebView หรือส่วนของการแปลงตัวของแอปพลิเคชันสำหรับแต่ละแพลตฟอร์ม เนื่องจากน่าสนใจเพราะเป็นความแตกต่างจากเฟรมเวิร์กอื่น ๆ

T,NG; G rc.n,HC, TJ,NG;HPU TJ,GNK,T.,KMOHYKV 33^W ,NP OK’K ว่า ก่อนที่จะเริ่มการพัฒนา คุณจำเป็นต้องติดตั้ง Node.js บนเครื่องของคุณเพื่อเรียกใช้งาน NPM (Node Package Manager) จากนั้นสร้างโปรเจคด้วยคำสั่ง `npx react-native init ProjectName` อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงสร้างพื้นฐานของโปรเจคถูกสร้างขึ้นมาแล้ว คุณสามารถเข้าสู่ไดเรกทอรีโปรเจคของคุณแล้วทำความรู้จักกับโค้ดตัวอย่าง

เมื่อเปรียบเทียบกัน React และ React Native นั่นเป็นความแตกต่างระหว่างเฟรมเวิร์กที่เราควรทราบ อย่างไรก็ตาม โครงสร้างพื้นฐานและหลักการจัดการ UI ในทั้งสองเฟรมเวิร์กมีความเหมือนกัน สิ่งหนึ่งที่ทำให้ React และ React Native สำคัญคือ Virtual DOM (Document Object Model) ตัว Virtual DOM จะสร้างโครงสร้างของ DOM ที่ไม่ต้องมีการสร้างขึ้นและการเรียกใช้งานทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงในแอปพลิเคชัน สิ่งนี้ช่วยลดเวลาในการบรรจุและแสดงผลของข้อมูล ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันระดับสูง

อีกสิ่งที่ควรรู้คือการใช้รหัส JavaScript ในทั้ง React และ React Native สิ่งนี้ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้พื้นฐานและคุณสมบัติของ JavaScript ได้อย่างเต็มที่โดยไม่จำเป็นต้องเขียนรหัสภาษาอื่น นอกจากนี้ การใช้ JavaScript ยังช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ส่วนขยายหรือโมดูลต่าง ๆ ในคลังหลายล้านรายการของ NPM ที่มีอยู่แล้ว เพื่อช่วยให้ในการสร้างแอปพลิเคชันที่สมบูรณ์แบบและทันสมัย

หลังจากที่เราได้ศึกษาเกี่ยวกับ React และ React Native มาสักระยะหนึ่ง ข้อสรุปสามารถจะถูกสร้างขึ้นมาได้ ดังนี้:

1. React เหมาะสำหรับการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน สำหรับเว็บไซต์ทั่วไปหรือแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการความซับซ้อนมาก
2. React Native เหมาะสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือไปยังแพลตฟอร์มสัญชาติต่าง ๆ เช่น iOS และ Android

FAQs:

Q: ควรเลือกใช้ React หรือ React Native ในโครงการของฉัน?
A: การเลือกใช้ React หรือ React Native ขึ้นอยู่กับความต้องการของโครงการของคุณ ถ้าคุณต้องการสร้างเว็บแอปพลิเคชันธรรมดา หรือแอปพลิเคชันประเภทต่าง ๆ ที่ไม่ซับซ้อนมาก คุณสามารถเลือกใช้ React ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ (เช่น iOS และ Android) คุณควรเลือกใช้ React Native เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการบำรุงรักษา

Q: React และ React Native เหมาะกับนักพัฒนาที่มีความสามารถในการเขียนโค้ดระดับเริ่มต้นหรือไม่?
A: React และ React Native เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่มีความรู้พื้นฐานใน JavaScript อยู่แล้ว ถ้าคุณเคยใช้ JavaScript มาก่อนหน้านี้ คุณคงไม่มีปัญหาในการเรียนรู้ React และ React Native อย่างไรก็ตาม ในการปรับใช้ความรู้และการก่อสร้างของเฟรมเวิร์กเหล่านี้ อาจจะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการเข้าใจและดูตัวอย่างโค้ดเพิ่มเติม

Q: การพัฒนาโปรเจคด้วย React Native จะใช้เวลานานกว่าการพัฒนาโดยใช้ React หรือไม่?
A: จริงๆ แล้ว การพัฒนาโปรเจคด้วย React Native ใช้เวลาน้อยกว่าการพัฒนาโดยใช้ React ในกรณีที่คุณต้องการสร้างแอปพลิเคชันใช้ซ้ำบนแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน สิ่งนี้เป็นไปได้เนื่องจาก React Native สามารถรวมรหัสส่วนแบ่งร่วมกันได้ และยังไม่ต้องเขียนรหัสส่วนของแอปพลิเคชันสำหรับแต่ละแพลตฟอร์มใหม่ ๆ

React Native เป็นเครื่องมือซอฟต์แวร์เพื่อการพัฒนาแอปพลิเคชันสองระบบปฏิบัติการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ iOS และ Android โดยมีการออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันด้วยภาษา JavaScript และ React ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย วัตถุประสงค์หลักของ React Native คือการสร้างแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพขึ้นให้สามารถใช้งานได้บนทั้ง iOS และ Android โดยใช้รหัสยืนยันอัตโนมัติ สิ่งที่แตกต่างจากการสร้างแอปพลิเคชันด้วย React Native กับวิธีการแบบ Native ทั่วไปคือ การสร้างแค่ครั้งเดียว แต่สามารถรันได้ทั้งในระบบ iOS และ Android

ข้อดีของ React Native

1. สร้างแอปพลิเคชันทั้งสองระบบได้อย่างรวดเร็ว – พัฒนาชุดรหัสเดียวสำหรับ iOS และ Android ทำให้นักพัฒนาสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนา การสร้างและปรับปรุงแอปพลิเคชันก็เป็นไปตามหลักการและภาษา JavaScript ซึ่งเป็นที่มีผู้ใช้มากมายและชอบสำหรับเว็บเพจ นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาและเครื่องมือของแต่ละระบบปฏิบัติการ

2. เพิ่มประสิทธิภาพและอัปเดตได้อย่างรวดเร็ว – แพลตฟอร์ม React Native มีชุดคำสั่งที่ใช้งานสะดวกและมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว

3. ทำให้สามารถเขียนโค้ดที่ดีได้ง่าย – React Native ใช้รูปแบบการเขียนโค้ดที่เข้าใจง่ายและมีส่วนแบ่งเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา มีการช่วยในการทำงานทีละส่วนเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดรายละเอียด นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งบริการ Webb API ร่วมกับการทำงานของ React Native เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยในกระบวนการอัพเดทแอปพลิเคชัน

4. รองรับและให้ความสามารถในการทำงานร่วมกับโมดูลและไลบรารีอื่นๆ – ด้วยความยืดหยุ่นทั้งในส่วนของรหัสและการปรับแต่ง, React Native สามารถรองรับการทำงานร่วมกับโมดูลและไลบรารีต่างๆ ที่พัฒนาโดยทีมที่รับผิดชอบสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทำให้นักพัฒนาสามารถเรียกใช้ระบบที่ทรงพลังและเนื้อหาเพิ่มเติม ทำให้มีความสามารถในการสร้างแอปพลิเคชันที่สมบูรณ์แบบและก้าวหน้า

ข้อเสียของ React Native

เมื่อวันนี้ React Native เป็นเครื่องมือพัฒนาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่มีข้อจำกัดบางอย่างที่นักพัฒนาควรพิจารณาก่อนที่จะเลือกใช้

1. ความซับซ้อนในกรณีที่จำเป็นต้องปรับแต่ง – ในกรณีที่ต้องการปรับแต่งระบบบางอย่างที่ผ่านไม่ผ่านถึง API ของ React Native, นักพัฒนาอาจต้องเขียนโค้ด Native ในขณะที่ใช้ React Native เพื่อให้ได้ความสามารถที่ต้องการ ซึ่งอาจทำให้แพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นด้วย React Native ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

2. ปัญหาความเสถียรภาพสำหรับข้อมูลใหม่ – ในกรณีที่ต้องการใช้ความสามารถของระบบใหม่หรือถ้าหากมีการอัพเดท React Native เป็นระยะยาว, อาจมีความยืดหยุ่นในปัญหาเสถียรภาพสำหรับข้อมูลใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในระบบ

3. ไซต์นี้ไม่ได้รับการบริการอย่างเป็นทางการจาก Facebook – แม้ว่า React Native จะมีความนิยมอย่างมาก แต่ Facebook ไม่ได้รับจัดทำระบบนี้อย่างเป็นทางการ ทำให้ไม่มีการรับประกันหรือตัวแทนทางเทคนิคสำหรับหากต้องการความช่วยเหลือ

4. ความจำเป็นของนักพัฒนาที่เชี่ยวชาญด้าน Mobile – นักพัฒนาที่มีความชำนาญในการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS และ Android อาจมีค่าเรียนรู้ที่ต้องใช้ใหม่ ถึงแม้ว่าโครงการ React Native จะมีแพลตฟอร์มสำหรับทั้งสองระบบปฏิบัติการ แต่การใช้งานผ่าน Native iOS และ Android ก็อาจมีความซับซ้อนและจำเป็นต้องปรับปรุงตามกรณี ซึ่งอาจต้องใช้ความชำนาญในด้าน Native Mobile Development

FAQs

1. React Native เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ไม่มีความรู้เพิ่มเติมด้านการพัฒนาแอปพลิเคชันหรือไม่?
ตอบ: React Native เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่มีความรู้ในการเขียน JavaScript และ React อย่างแท้จริง React Native เป็นเครื่องมือที่เขียนโค้ดได้อย่างรวดเร็วและเปิดรับความสามารถในการสร้างแอปพลิเคชันที่ซับซ้อน

2. React Native สามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีเทียบกับแอปพลิเคชันที่สร้างด้วยภาษา Native ได้หรือไม่?
ตอบ: ในระดับที่มากมายและปกติ แอปพลิเคชันที่สร้างด้วย React Native จะมีประสิทธิภาพที่ดีเทียบเท่ากับแอปพลิเคชันที่สร้างด้วยภาษา Native อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนของแอปพลิเคชันและการปรับแต่งรายละเอียดบางอย่างอาจทำให้มีประสิทธิภาพที่ต่างกันบ้าง

3. การพัฒนาแอปพลิเคชันด้วย React Native สามารถรองรับแพลตฟอร์มอื่นๆ นอกจาก iOS และ Android ได้หรือไม่?
ตอบ: React Native เชื่อมต่อกับเครื่องมือที่ช่วยในการสร้างแอปพลิเคชันที่รองรับแพลตฟอร์มอื่นๆ รวมถึง Windows และ macOS อย่างไรก็ตามการสร้างแอปพลิเคชันที่ทำงานบนแพลตฟอร์มดังกล่าวอาจจำเป็นต้องปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิตอลเติบโตอย่างรวดเร็ว การพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือถือเป็นสิ่งสำคัญที่ร้ายแรงสำหรับธุรกิจที่ต้องการเชื่อมโยงกับผู้ใช้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ การพัฒนาแอปสองแพล็ตฟอร์มแบบ Native คือการพัฒนาแอปพลิเคชันซึ่งแตกต่างกันสำหรับแพลตฟอร์ม iOS และ Android อาจจะเร็วแต่พอที่จะแสดงให้เห็นว่ามีความซับซ้อนในการพัฒนาและค่าใช้จ่ายสูงกว่า

อย่างไรก็ตาม นักพัฒนาแอปพลิเคชัน JavaScript ต้องขอบคุณ React Native ที่ทำให้พวกเขาสามารถสร้างแอปพลิเคชันสองแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็วและมีความสะดวกสบายเพียงแค่ใช้ภาษาตัวเดียว ก่อนที่เราจะพูดถึง React Native เริ่มต้นขั้นแรก เราจะได้รู้จักกับ React Native ในแนวสั้น ๆ

React Native เป็นเอ็นจิน (engine) ที่ถูกพัฒนาโดย Facebook เพื่อให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันสองแพลตฟอร์มได้ทั้ง iOS และ Android แต่ใช้เพียงภาษา JavaScript เพียงเดียว ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้สร้างโอกาสให้กับนักพัฒนาโดยให้สามารถใช้ทักษะและความรู้ที่มีอยู่อย่างเต็มที่และสร้างแอปพลิเคชันสองแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว

React Native นั้นมีครองแรม (dominant) ให้กับการทำงานในส่วนของการประมวลผล UI (User Interface) ซึ่งทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพสูง นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันให้แสดงผลและทำงานในระบบ iOS และ Android ในตัวเดียวกันแทบไม่มีข้อจำกัด

เพื่อให้ความเข้าใจดีขึ้น เราชี้ให้เห็นตัวอย่างการเชื่อมต่อ UI สำหรับแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันสองแบบ การเขียนโค๊ดโน้ตต่อไปนี้จะช่วยให้เห็นรูปแบบต่าง ๆ ที่ React Native สามารถมอบความสามารถนี้ให้กับนักพัฒนา

“`
import React from ‘react’
import { View, Text } from ‘react-native’

const MyApp = () => {
return (

Hello React Native!

)
}

export default MyApp
“`

จะเห็นว่าโค้ดด้านบนยังคงใช้ JSX เหมือนกับ React แท้จริง เพียงแต่ใน React Native เท่านั้นที่เราสามารถเปลี่ยนชื่อของแท็ก `

React Native คือ

มี 31 ภาพที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ภาษา react native.

ลิงค์บทความ: ภาษา react native.

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโพสต์หัวข้อนี้ ภาษา react native.

• React Native คืออะไร ? เครื่องมือพัฒนา Mobile Apps แบบ Cross …
• [React Native] คืออะไร ทำความรู้จัก และเริ่มต้นสร้าง Project – Medium
• React-Native Programming – CodeMobiles Co., Ltd.
• React native หรือ Flutter เราควรเลือกใช้ตัวไหนในการสร้าง Mobile …
• React Native(รี แอ็คส์ เนทิฟ) คืออะไร – Mindphp
• React-Native Programming – CodeMobiles Co., Ltd.
• React native คืออะไร ใช้งานอย่างไร เหตุผลที่ควรเลือกใช้?
• React native หรือ Flutter เราควรเลือกใช้ตัวไหนในการสร้าง Mobile …
• React Native คือ อะไร? มารู้จักเครื่องมือพัฒนา Mobile Apps แบบ …
• สร้าง Web application และ Mobile application ด้วย React + …
• พัฒนา Application ด้วย React และ React Native – SE-ED
• React native คืออะไร ใช้งานอย่างไร เหตุผลที่ควรเลือกใช้?
• Flutter vs. React Native: Which one is Better for Your Project?

ดูเพิ่มเติม: https://baannapleangthai.com/news blog